ปะเก็น non asbestos ทางเลือกใหม่ที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม

ในยุคที่อุตสาหกรรมต้องเผชิญกับทั้งมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดและความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น ปะเก็น non asbestos จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งสองด้านได้อย่างลงตัว แทนที่การใช้แร่แอสเบสตอสซึ่งเป็นสารอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง ปะเก็นชนิดนี้ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ผสมยางที่ปลอดภัยกว่า แต่ยังคงทนความร้อน ทนแรงดัน และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยในปัจจุบันนี้ก็เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในโรงงานยุคใหม่ ด้วยทั้งการรองรับงานหลากหลายประเภทได้ดี หากคุณไม่จำเป็นต้องใช้ปะเก็นที่ทนร้อนเกิน 500 องศาเวลเซียส หรืออยู่ในงานเฉพาะทาง การเลือกใช้ Non-Asbestos Gasket จะคุ้มค่ากว่าและลดความเสี่ยงได้มาก หากใครที่ยังไม่รู้ว่าปะเก็นชนิดนี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เราจะพาไปรู้จักกันใหม่มากขึ้นเลย

ทำไมปะเก็น non asbestos ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ

ปะเก็น non asbestos ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยหลายปัจจัย ทั้งในด้านความปลอดภัย การตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม และความคุ้มค่าในระยะยาว ซึ่งมีเหตุผลที่น่าสนใจที่ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้นดังนี้

• ปลอดภัยต่อสุขภาพ
  แร่แอสเบสตอสในอดีตแม้จะทนร้อนดี แต่เป็นสารอันตรายต่อระบบหายใจ หากมีฝุ่นฟุ้งกระจายอาจเสี่ยงเป็นโรคปอดเรื้อรังหรือมะเร็งเยื่อหุ้มปอด การหันมาใช้ ปะเก็น non asbestos ที่ไม่มีส่วนผสมของแร่แอสเบสตอสจึงลดความเสี่ยงต่อคนใช้งานโดยตรง และไม่ต้องจัดการเรื่องความปลอดภัยมากเท่าเดิม
• เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  ปะเก็น non asbestos ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ เช่น Aramid, Glass Fiber และยางคุณภาพสูง ซึ่ง ไม่ก่อฝุ่นพิษ ไม่ปนเปื้อนในน้ำหรืออากาศ และยังสามารถกำจัดได้ง่ายกว่าปะเก็นแอสเบสตอสที่ต้องระมัดระวังขั้นตอนกำจัดอย่างมาก
• คุณสมบัติเยี่ยม ทดแทนแอสเบสตอสได้จริง
  แม้จะไม่มีแร่แอสเบสตอส แต่ปะเก็น non asbestos ยัง ทนความร้อนได้ถึง 250 – 400 องศาเซลเซียส ทนแรงดันได้ดี ใช้ได้กับระบบไอน้ำ แก๊ส และน้ำมันทั่วไป แถมยังยืดหยุ่นและตัดขึ้นรูปได้ง่ายกว่ารุ่นเก่า จึงเหมาะกับทั้งงานซ่อมบำรุงและงานติดตั้งใหม่
• สอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยสากล
  โรงงานหรือโครงการขนาดใหญ่ในปัจจุบันมักมีข้อกำหนดชัดเจนว่า ห้ามใช้แอสเบสตอสทุกชนิด โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และพลังงานสะอาด การเลือกใช้ Non-Asbestos Gasket จึงกลายเป็นทางเลือกเดียวที่ไม่กระทบมาตรฐานหรือใบอนุญาต
• หลากหลายยี่ห้อและราคาจับต้องได้
  ปัจจุบันมี ปะเก็น non asbestos จากหลายแบรนด์ให้เลือก ซึ่งมีตั้งแต่ระดับโรงงานทั่วไปไปจนถึงอุตสาหกรรมเฉพาะทาง ทำให้ราคาถูกลงและหาซื้อได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก

วัสดุของปะเก็น non asbestos มีอะไรบ้าง?

ปะเก็น non asbestos คือวัสดุกันรั่วที่ไม่ผสมแร่แอสเบสตอส แต่ยังสามารถทนความร้อน ทนแรงดัน และใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งขึ้นอยู่กับวัสดุหลักที่ใช้ในการผลิต โดยมีวัสดุดังนี้

• เส้นใยอะรามิด (Aramid Fiber): เส้นใยสีเหลืองทอง ทนแรงดึงสูงมาก เหมือนวัสดุทำเสื้อเกราะกันกระสุน มีคุณสมบัติทนแรงกด ทนสารเคมี และทนความร้อนดี
• เส้นใยแก้ว (Glass Fiber): เส้นใยขาวหรือเทา มีความมันวาว ทนต่ออุณหภูมิสูงมาก ไม่ติดไฟ และไม่ดูดซึมของเหลว เหมาะกับงานที่ต้องรับความร้อนสูง
• เส้นใยคาร์บอน (Carbon Fiber): เส้นใยสีดำด้าน น้ำหนักเบาแต่แข็งแรงมาก สามารถทนสารเคมีได้หลากหลาย โดยเฉพาะกรด-ด่าง และทนความร้อนสูง เหมาะกับงานระบบที่มีของเหลวกัดกร่อน
• เส้นใยแร่สังเคราะห์ (Synthetic Mineral Fiber): เส้นใยละเอียด มีความเหนียว ทนแรงกด มีคุณสมบัติทนแรงดันได้ดี ราคาประหยัด ใช้แทนแอสเบสตอสได้โดยไม่อันตราย
• วัสดุยึดเกาะ หรือยาง (Binder Materials): วัสดุหลักที่ผสมกับเส้นใยเพื่อให้แผ่นปะเก็นสามารถขึ้นรูปและยืดหยุ่นได้ โดยวัสดุยึดเกาะเหล่านี้ก็มีผลต่อการเลือกใช้งานด้วย เช่น NBR, SBR, EPDM และ CR

ปะเก็น non asbestos เหมาะกับงานแบบไหนบ้าง?

สำหรับปะเก็นชนิดนี้เหมาะกับการใช้งานหลากหลายประเภททั้งในระบบท่อ เครื่องจักร และโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยปะเก็น non asbestos ถูกนำไปใช้งานดังนี้

• ระบบท่อไอน้ำและน้ำร้อน: เหมาะกับหม้อไอน้ำ ท่อส่งไอน้ำ ฮีตเตอร์อุตสาหกรรม เพราะทนความร้อนต่อเนื่องได้ถึง 250–400 องศาเซลเซียสโดยไม่เสียรูปหรือเสื่อมสภาพง่าย
• ระบบส่งน้ำมัน น้ำมันหล่อลื่น และน้ำมันเครื่อง: เหมาะกับปั๊มน้ำมัน หน้าแปลนระบบไฮดรอลิก เครื่องจักรกล โดยแนะนำให้ใช้ประเภทที่วัสดุยาง NBR เพราะมีคุณสมบัติทนน้ำมันและแรงดันสูง
• ระบบวาล์ว หน้าแปลน และเครื่องจักรในโรงงาน: ใช้กับงานประกอบหน้าแปลนในระบบท่ออุตสาหกรรมทั่วไป เพราะมีความยืดหยุ่นสูง ปิดผนึกได้แน่น และทนแรงกดได้ดี
• งานที่ต้องเจอกับสารเคมี: โรงงานเคมี ระบบส่งกรด-ด่าง สารหล่อเย็น โดยใช้ประเภทเส้นใยคาร์บอน ที่มียาง EPDM หรือ CR ที่ทนต่อสารเคมีได้ดี
• อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และยา: ใช้ในระบบน้ำ ระบบไอน้ำฆ่าเชื้อ และส่วนงานที่สัมผัสกับวัตถุดิบโดยตรงได้ โดยต้องเลือกใช้รุ่นที่รับรองมาตรฐานความปลอดภัย
• ระบบแรงดันสูง มีแรงสั่นสะเทือน: ใช้กับเครื่องจักรหมุน คอมเพรสเซอร์ หน้าแปลนที่มีแรงกระแทก เลือกใช้ในรุ่นเสริมแรงจะทนแรงอัดได้ดีมาก

ข้อดี-ข้อจำกัดของปะเก็น non asbestos ที่ควรรู้ก่อนเลือกใช้งาน

ปะเก็น non asbestos ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้แทนปะเก็นแผ่นแอสเบสตอส เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยปะเก็นชนิดนี้มีข้อดีอยู่มากมาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ควรรู้ไว้ จะได้เลือกใช้งานกันได้อย่างเหมาะสม ดังนี้

ข้อดีของปะเก็น non asbestos

• ปลอดภัยต่อสุขภาพ: ไม่มีส่วนผสมของแร่แอสเบสตอส จึงไม่ก่อให้เกิดฝุ่นพิษที่อาจทำลายปอดหรือก่อมะเร็งในระยะยาว
• เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: สามารถกำจัดได้โดยไม่ต้องใช้วิธีพิเศษ ไม่ปนเปื้อนในระบบน้ำหรืออากาศ
• ทนความร้อนและแรงดันได้ดี: รองรับอุณหภูมิได้ประมาณ 250–400 องศาเซลเซียส และแรงดันได้สูงถึง 100 บาร์ ขึ้นอยู่กับวัสดุ
• ใช้ได้กับสารเคมีหลากหลาย: มีรุ่นที่สามารถทนกรด-ด่าง น้ำมัน น้ำร้อน ไอน้ำ หรือของเหลวกัดกร่อนได้
• ตัดแต่งและติดตั้งง่าย: แผ่นมีความยืดหยุ่น ตัดขึ้นรูปได้ง่าย ไม่แตกหักหรือเปราะเหมือนแอสเบสตอส
• มีมาตรฐานรองรับ: หลายรุ่นผ่านมาตรฐานสากล ทำให้ใช้งานได้ในอุตสาหกรรมอาหาร ยา หรือพลังงานสะอาด

ข้อจำกัดของปะเก็น non asbestos

• ทนความร้อนไม่ได้สูงเท่าแอสเบสตอสแท้: ปะเก็นชนิดนี้ส่วนใหญ่รองรับความร้อนได้ประมาณ 250–400 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจไม่พอสำหรับงานที่ต้องการอุณหภูมิสูงกว่า 500 องศาเซลเซียส
• ไม่เหมาะกับงานที่มีแรงดันเกินขีดจำกัด: หากใช้งานเกินแรงดันที่กำหนด อาจทำให้เกิดการรั่วซึมหรือเสียรูปในระยะยาว
• ราคาอาจสูงกว่าปะเก็นธรรมดาทั่วไป: โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้ใย Aramid หรือ Carbon Fiber ราคาจะสูงกว่าปะเก็นยางหรือปะเก็นกระดาษหลายเท่า
• ต้องเลือกให้ตรงกับชนิดของสารเคมี: แม้จะทนสารเคมีได้หลากหลาย แต่ก็ไม่ใช่ทุกชนิด ดังนั้นต้องเลือกสูตรยางและวัสดุให้ตรงกับสารที่ต้องกันรั่ว เช่น NBR, EPDM, CR

สรุป

ปะเก็น non asbestos คือวัสดุกันรั่วที่ถูกพัฒนาขึ้นมาแทนแผ่นแอสเบสตอส โดยไม่ใช้แร่ที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้ปลอดภัยทั้งต่อผู้ใช้งานและต่อสิ่งแวดล้อม วัสดุที่ใช้มักเป็นเส้นใยสังเคราะห์ เช่น Aramid หรือ Glass Fiber ผสมกับยางสังเคราะห์คุณภาพสูง ทำให้ยังคงคุณสมบัติทนความร้อน ทนแรงดัน และกันรั่วได้ดี เหมาะกับงานหลากหลายทั้งในระบบท่อไอน้ำ น้ำมัน หรือโรงงานอุตสาหกรรม ยกระดับความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น