ปะเก็นเชือกเทปล่อน คืออะไร? เหมาะกับการใช้งานประเภทไหนบ้าง

ปะเก็นเชือกเทปล่อน คืออะไร? เหมาะกับการใช้งานประเภทไหนบ้าง

หากพูดถึงวัสดุซีลที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความสะอาด ปลอดภัย และทนทานต่อสารเคมี ปะเก็นเชือกเทปล่อน หรือ PTFE Packing มักจะเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะในโรงงานผลิตอาหาร อุตสาหกรรมยา และกระบวนการทางเคมีที่ต้องการการซีลที่ไม่ปนเปื้อน ทนต่อความร้อน และมีความเสถียรสูง ปะเก็นประเภทนี้มีคุณสมบัติพิเศษที่เหนือกว่าวัสดุปะเก็นทั่วไป ทั้งในเรื่องของการไม่ติดผิว ทนต่อสารเคมีเข้มข้น และยังปลอดภัยต่อการใช้งานในระบบที่ต้องการความสะอาดขั้นสูง บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับปะเก็นเชือกเทปล่อนแบบเข้าใจง่าย พร้อมแนะแนวว่าเหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง เพื่อช่วยให้คุณเลือกใช้ได้อย่างมั่นใจและตรงตามมาตรฐานอุตสาหกรรม

5 เหตุผลทำไมถึงนิยมใช้ปะเก็นเชือกเทปล่อนในอุตสาหกรรมเคมีและอาหาร

5 เหตุผลทำไมถึงนิยมใช้ปะเก็นเชือกเทปล่อนในอุตสาหกรรมเคมีและอาหาร

เหตุผลที่ปะเก็นเชือกเทปล่อน ได้รับความนิยมอย่างมากในอุตสาหกรรมเคมีและอาหาร ก็เพราะมันมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ตอบโจทย์เรื่อง ความปลอดภัย ความสะอาด และความทนทาน ซึ่งอุตสาหกรรมสองกลุ่มนี้ถือเป็นสายงานที่ต้องให้ความสำคัญกับมาตรฐานและความปลอดภัยมากที่สุด โดยมีเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้

  • ทนสารเคมีรุนแรงได้แทบทุกชนิด
    PTFE เป็นวัสดุที่สามารถต้านทานกรด-ด่างเข้มข้น และสารละลายอินทรีย์ได้ดีเยี่ยม ในอุตสาหกรรมเคมีที่ต้องรับมือกับสารกัดกร่อนระดับสูง การใช้ปะเก็นทั่วไปอาจเสื่อมสภาพเร็ว แต่ PTFE อยู่ได้นานโดยไม่เปื่อยยุ่ย
  • ไม่ทำปฏิกิริยากับสารในกระบวนการผลิต
    PTFE เป็นวัสดุเฉื่อยไม่ทำปฏิกิริยากับของเหลวหรือสารเคมีที่ไหลผ่าน ทำให้ไม่ปนเปื้อนหรือปล่อยสารตกค้าง ซึ่งในอุตสาหกรรมอาหารและยาจุดนี้สำคัญมาก เพราะต้องการให้ผลิตภัณฑ์บริสุทธิ์ และปลอดภัยที่สุด
  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล
    เทปล่อนเป็นวัสดุที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานระดับโลกว่า ปลอดภัยต่อการสัมผัสอาหารและยา จึงใช้ได้แม้แต่ในสายการผลิตที่มีการสัมผัสโดยตรง เช่น เครื่องบรรจุ เครื่องอัดเม็ดยา หรือระบบส่งของเหลว
  • ไม่ติดผิว ทำความสะอาดง่าย
    พื้นผิวของเทปล่อนมีลักษณะลื่น ไม่เกาะสิ่งสกปรกหรือคราบเคมี ทำให้ลดโอกาสการสะสมของแบคทีเรียหรือสารตกค้าง นี่คือจุดแข็งที่อุตสาหกรรมอาหารและยาต้องการ เพราะช่วยเรื่องการล้างเครื่องจักรให้สะอาดง่ายและเร็ว
  • ทนอุณหภูมิและแรงดันได้สูง
    ปะเก็นเชือกเทปล่อนสามารถใช้งานได้ในช่วงอุณหภูมิกว้าง ตั้งแต่ -200 องศาเซลเซียส ถึง +260 องศาเซลเซียส และรองรับแรงดันได้ดี จึงเหมาะกับเครื่องจักรที่ทำงานต่อเนื่องตลอดเวลา

เลือกปะเก็นเชือกเทปล่อนยังไงให้เหมาะกับสารเคมีและอุณหภูมิที่ใช้งาน

เลือกปะเก็นเชือกเทปล่อนยังไงให้เหมาะกับสารเคมีและอุณหภูมิที่ใช้งาน

การเลือกปะเก็นเชือกให้เหมาะกับสารเคมีและอุณหภูมิที่ใช้งาน เป็นสิ่งสำคัญมากในงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในระบบที่ต้องการความแม่นยำ ความปลอดภัย และการใช้งานต่อเนื่อง โดยมีวิธีการเลือกดังนี้

  • ตรวจสอบชนิดของสารเคมีที่ต้องรับมือ
    ก่อนจะเลือกปะเก็นเทปล่อน ควรรู้ก่อนว่าในระบบของคุณใช้สารอะไรอยู่ เพราะแม้ว่า PTFE จะทนสารเคมีได้เกือบทุกชนิด แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่ควรใช้แบบเฉพาะ เช่น ถ้าเป็น กรด-ด่างแรง ควรใช้ PTFE บริสุทธิ์ 100% เพราะจะไม่ทำปฏิกิริยาใด ๆ เลย ถ้าเจอกับตัวทำละลายอินทรีย์ ควรใช้เทปล่อนเกรดพิเศษที่มีความหนาแน่นสูงหรือเสริมแรง
  • เช็กช่วงอุณหภูมิที่ใช้งานจริง
    เทปล่อนสามารถทนความร้อนได้สูงมาก ประมาณ –200 องศาเซลเซียส ถึง +260 องศาเซลเซียส ซึ่งเพียงพอกับงานส่วนใหญ่ แต่ถ้าอุณหภูมิสูงมากตลอดเวลาใกล้ 260 องศาเซลเซียส แนะนำใช้ PTFE แบบเสริมกราไฟต์ จะทนความร้อนได้ดีกว่า หรือถ้ามีการสลับร้อน-เย็นเร็ว ๆ เช่น จากไอน้ำแล้วตัดน้ำเย็น แนะนำใช้แบบเสริมใยแก้วเพื่อป้องกันการฉีกขาดจากแรงดึงตัว
  • เลือกโครงสร้างของปะเก็นให้เหมาะกับการใช้งาน
    เทปล่อนบริสุทธิ์แม้จะปลอดภัย แต่บางครั้งนิ่มเกินไปสำหรับงานหนัก ๆ เลยต้องมีการเสริมแรง ซึ่งมีทั้งแบบเสริมใยแก้วช่วยเพิ่มความแข็งแรง ทนแรงบีบอัด ใช้ในระบบที่มีแรงดันสูง และแบบเสริมกราไฟท์ที่เพิ่มการนำความร้อน เหมาะกับงานที่มีแรงเสียดทานสูง
  • ตรวจสอบมาตรฐานรองรับ
    ในอุตสาหกรรมอาหารและยา ต้องเลือกเทปล่อนที่ผ่านมาตรฐาน เช่น FDA สำหรับงานสัมผัสอาหาร และUSP Class VI สำหรับงานยา ชีวเวชภัณฑ์ ถ้าเป็นงานอุตสาหกรรมทั่วไป ช้มาตรฐานทั่วไปที่รับแรงดันและความร้อนก็เพียงพอ

ข้อดีข้อเสียของปะเก็นเชือกเทปล่อน เมื่อเทียบกับปะเก็นเชือกกราไฟท์

ข้อดีข้อเสียของปะเก็นเชือกเทปล่อน เมื่อเทียบกับปะเก็นเชือกกราไฟท์

วัสดุยอดนิยมที่ถูกเลือกใช้งานอย่างกว้างขวางก็คือปะเก็นเชือกเทปล่อน และปะเก็นเชือกกราไฟท์ ทั้งสองแบบต่างก็มีจุดเด่นเฉพาะตัว เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยทั้งสองวัสดุมีข้อดี-ข้อเสียในแต่ละข้อดังนี้

  1. ความสามารถในการทนสารเคมี
    – ปะเก็นเชือกเทปล่อน: ทนสารเคมีได้แทบทุกชนิด ทั้งกรด ด่าง ตัวทำละลาย และน้ำมัน ไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมี เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความบริสุทธิ์สูง ไม่เปื่อยยุ่ย ไม่เสื่อมสภาพง่าย แม้อยู่ในสารเคมีรุนแรง
    – ปะเก็นเชือกกราไฟท์: ทนสารเคมีได้เฉพาะบางกลุ่ม เช่น น้ำมัน ไอน้ำ กรดบางชนิด และอาจเกิดปฏิกิริยาได้กับสารเคมีเข้มข้น มีโอกาสเสื่อมสภาพหรือหลุดผงเมื่อโดนสารเคมีบางชนิด
  2. ความทนทานต่ออุณหภูมิ
    – ปะเก็นเชือกเทปล่อน: ทนอุณหภูมิได้สูงพอสมควร ถ้าอุณหภูมิเกิน 260 องศาเซลเซียส อาจเริ่มสลายและปล่อยไอพิษ จึงไม่เหมาะกับงานเตาไอน้ำหรือระบบที่ร้อนจัดต่อเนื่อง
    – ปะเก็นเชือกกราไฟท์: ทนความร้อนได้สูงมาก เหมาะกับงานที่มีไอน้ำ ความร้อนจัด หรือสภาวะที่ร้อนต่อเนื่อง
  3. ความทนแรงดัน และแรงกด
    – ปะเก็นเชือกเทปล่อน: โครงสร้างนิ่มกว่ากราไฟท์ ต้องเลือกแบบเสริมใยแก้วหรือเสริมโครงสร้างถ้าใช้งานแรงกดสูง ถ้าไม่ได้เลือกให้เหมาะ อาจเกิดการยุบตัวหรือฉีกขาดในระบบที่มีแรงเสียดทานสูง
    – ปะเก็นเชือกกราไฟท์: ทนแรงกดและแรงเสียดทานได้ดีมาก ไม่ยุบตัวง่าย เหมาะกับงานที่มีแรงกดสูง เช่น ซีลเพลาหมุนเร็ว
  4. ความสะอาด ปลอดภัย และการปนเปื้อน
    – ปะเก็นเชือกเทปล่อน: ไม่เป็นพิษ ไม่ปนเปื้อน เหมาะกับงานในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และเวชภัณฑ์ โดยเฉพาะที่ได้รับการรับรองจาก FDA, USP Class VI ไม่หลุดผง ไม่ก่อให้เกิดเศษที่ปนในกระบวนการ
    – ปะเก็นเชือกกราไฟท์: ไม่เหมาะกับอาหารหรือยา เพราะอาจมีฝุ่น ผง หรือสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในกระบวนการได้ ถ้าถูกใช้นาน ๆ อาจมีผงกราไฟท์หลุดออกมาโดยเฉพาะถ้าใช้ของคุณภาพต่ำ
  5. ความลื่น ลดแรงเสียดทาน
    – ปะเก็นเชือกเทปล่อน: พื้นผิวลื่นในตัว ลดการเสียดสีระหว่างเพลากับซีล เหมาะกับงานที่ต้องการลดแรงต้าน เช่น ปั๊มน้ำยา หรือวาล์วเปิด-ปิดบ่อย ๆ
    – ปะเก็นเชือกกราไฟท์: มีคุณสมบัติลดแรงเสียดทานได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะถ้ามีการผสมสารหล่อลื่นในเส้นใย แต่จะลื่นน้อยกว่าเทปล่อน
  6. อายุการใช้งาน
    ถ้าเลือกให้เหมาะกับงาน และติดตั้งถูกต้อง ทั้งสองชนิดสามารถใช้งานได้ยาวนาน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความเร็วของเพลา และชนิดของสารเคมี

สรุป

ปะเก็นเชือกเทปล่อน จุดเด่นของปะเก็นชนิดนี้คือความสามารถในการทนต่อสารเคมีได้เกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นกรด ด่าง หรือสารทำละลายต่าง ๆ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเฉื่อย ไม่ทำปฏิกิริยากับของเหลวหรือแก๊สที่ไหลผ่าน จึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยและไม่เกิดการปนเปื้อน ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมอาหาร ยา และเคมีที่ต้องการความสะอาดสูง ทั้งนี้ก็ควรเลือกใช้งานวัสดุที่เหมาะสมกับงาน จะได้ยืดอายุการใช้งาน และสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากที่สุด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *