5 ปัญหาที่คุณอาจเจอ หากไม่ติดตั้ง Expansion Joint ในระบบท่อ

5 ปัญหาที่ไม่ติดตั้ง Expansion Joint ในระบบท่อ

ในระบบท่อของโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการลำเลียงของเหลว ก๊าซ ไอน้ำ หรือสารเคมี สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้าม แต่กลับมีผลอย่างมากต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของทั้งระบบก็คือ Expansion Joint อุปกรณ์ชิ้นนี้อาจดูเล็ก แต่มีบทบาทสำคัญในการรองรับแรงเคลื่อนไหว แรงดัน หรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การละเลยที่จะติดตั้ง Expansion Joint หรือ Flexible Joint อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องที่คาดไม่ถึง ทั้งในด้านความเสียหายของอุปกรณ์ และต้นทุนในการบำรุงรักษา  บทความนี้จะชี้ให้เห็นถึงประเด็นสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากไม่มีการใช้ชุดข้อต่อขยายอย่างถูกต้อง

Expansion Joint คืออะไร? ทำหน้าที่อะไรในระบบท่อ

Expansion Joint หรือ ข้อต่อขยาย คืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการเคลื่อนไหวของระบบท่อที่เกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความร้อน แรงดัน หรือแรงสั่นสะเทือน การติดตั้ง Expansion Joint ช่วยให้ท่อสามารถยืด หด หรือขยับตัวได้โดยไม่ก่อให้เกิดแรงตึงหรือแรงกดทับที่อาจทำให้ท่อเสียหาย นอกจากนี้ยังช่วยลดแรงกระแทกจากการทำงานของเครื่องจักร ป้องกันการรั่วซึมที่หน้าแปลน และยืดอายุการใช้งานของทั้งระบบท่อและอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ

ในระบบอุตสาหกรรมที่ต้องการความต่อเนื่องและความปลอดภัยสูง เช่น ระบบไอน้ำ ระบบส่งสารเคมี หรือระบบลำเลียงของเหลว Expansion Joint จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นองค์ประกอบที่ต้องมีเพื่อให้โครงสร้างทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการหยุดชะงัก

หากไม่ใช้ Expansion Joint อาจเกิดอะไรขึ้น?

หากไม่ใช้ Expansion Joint อาจเกิดอะไรขึ้น?

แม้ Expansion Joint จะเป็นเพียงอุปกรณ์ขนาดเล็กในระบบท่อ แต่การละเลยไม่ติดตั้งหรือเลือกใช้งานอย่างไม่เหมาะสม อาจนำไปสู่ผลกระทบที่กว้างกว่าที่คิด สำหรับโรงงานหรือองค์กรที่ต้องพึ่งพาระบบท่อในการผลิตอย่างต่อเนื่อง ความเสียหายเพียงจุดเล็ก ๆ อาจส่งผลต่อกระบวนการทั้งสายงานได้ ดังนั้น จึงจำเป็น ต้องติดตั้งข้อต่อระบบท่อและต้องต้องติดให้ถูก มาดู 5 ปัญหาสำคัญที่มักเกิดขึ้นเมื่อไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ชิ้นนี้กัน ว่ามีอะไรบ้าง

 1. ท่อแตกร้าวหรือบิดงอจากแรงขยายตัว

ในระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ เช่น ท่อไอน้ำหรือท่อกลางแจ้ง ท่อจะเกิดการยืดและหดตัวอยู่ตลอด หากไม่มี Expansion Joint มารองรับแรงเหล่านี้ ท่อจะเกิดการโก่งตัว บิดงอ หรือถึงขั้นแตกร้าว โดยเฉพาะในจุดเชื่อมต่อหรือช่วงแนวยาว ซึ่งเป็นจุดอ่อนของระบบและมักเสียหายก่อนเสมอ

 2. รั่วซึมหรือหลุดจากข้อต่อ

แรงดันที่เกิดขึ้นระหว่างการลำเลียงสารอาจดันให้ข้อต่อเกิดการเคลื่อนตัว หากไม่มีอุปกรณ์ดูดซับแรงหรือชดเชยการเคลื่อนไหว เช่น ข้อต่อขยายท่ออาจหลุดออกจากหน้าแปลน หรือรั่วซึมในบริเวณที่เชื่อมต่อ ทำให้ต้องหยุดระบบทันทีเพื่อซ่อมแซม เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย

 3. ปั๊มหรือวาล์วเสียหายเร็วขึ้น

แรงสั่นจากท่อที่ไม่มีการรองรับอย่างเหมาะสม จะถูกถ่ายไปยังอุปกรณ์ต่อพ่วง เช่น ปั๊ม วาล์ว หรืออุปกรณ์วัดแรงดัน ทำให้อุปกรณ์เหล่านี้สึกหรอเร็ว เสื่อมสภาพก่อนอายุการใช้งาน และอาจต้องเปลี่ยนบ่อยครั้ง ทั้งที่ต้นเหตุจริง ๆ มาจากการไม่มีข้อต่อขยายมาช่วยลดแรงกระแทก

 4. เสียงและแรงสั่นสะเทือนรบกวน

ในหลายระบบ โดยเฉพาะที่ติดตั้งในอาคารหรือใกล้กับพื้นที่ทำงาน การไม่มีข้อต่อขยาย อาจทำให้ท่อเกิดเสียงดังหรือสั่นสะเทือนระหว่างการทำงาน สร้างความรำคาญแก่พนักงาน และอาจเป็นอันตรายในระยะยาวหากโครงสร้างรองรับท่อไม่แข็งแรงพอ

 5. ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงสูงขึ้น

เมื่อเกิดความเสียหายที่ต่อเนื่องจากข้อใดข้อหนึ่งข้างต้น ระบบท่อย่อมต้องถูกหยุดเพื่อซ่อมบำรุง ไม่ว่าจะเป็นค่าแรง ค่าอุปกรณ์ หรือค่าหยุดการผลิต ทุกอย่างล้วนเป็นต้นทุนที่ไม่จำเป็น หากมีการวางระบบ Expansion Joint อย่างเหมาะสมตั้งแต่ต้น

แล้วจะเลือก Expansion Joint แบบไหนดี?

แล้วจะเลือก Expansion Joint แบบไหนดี?

การเลือก Expansion Joint ที่เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องของวัสดุหรือราคา แต่เป็นเรื่องของ ความสอดคล้องกับการใช้งานจริง ในระบบของคุณ ไม่ว่าจะเป็นประเภทของของไหล แรงดัน อุณหภูมิ หรือระดับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น การเลือกผิดประเภทอาจทำให้ระบบเกิดการสึกหรอเร็ว หรือเสียหายก่อนเวลาอันควร ซึ่งนำไปสู่ค่าใช้จ่ายแฝงที่มากกว่าการลงทุนตั้งแต่ต้นเสียอีก 

Expansion Joint แบบไหนเหมาะกับระบบท่อของคุณ?

  1. ถ้าท่อมีแรงดันสูง: ใช้ Metallic Expansion Joint
    ซึ่งเหมาะสำหรับระบบที่ต้องรับแรงดันสูงหรืออุณหภูมิสูง เช่น ท่อไอน้ำ ท่อในโรงงานปิโตรเคมี หรือระบบที่มีการขยายตัวของท่ออย่างต่อเนื่อง
    ข้อดี: ทนทานสูง อายุการใช้งานยาว ไม่เสียรูปง่าย
    หมายเหตุ: ควรติดตั้งโดยช่างผู้ชำนาญเพื่อรองรับแรงดันได้อย่างปลอดภัย
  2. ถ้าต้องการดูดซับแรงสั่นสะเทือน: ใช้ Rubber Expansion Joint
    เหมาะกับงานที่ต้องลดแรงสั่นจากปั๊ม หรือเครื่องจักร รวมถึงช่วยลดเสียงในระบบท่อ
    ข้อดี: ยืดหยุ่นดี ติดตั้งง่าย ซับแรงสั่นสะเทือนและแรงกระแทกได้ดี
    คำแนะนำ: ให้เลือกแบบ Double Sphere หากระบบมีแรงสั่นสะเทือนสูงหรือต้องการรองรับการเคลื่อนไหวมากขึ้น
  3. ถ้าใช้ในระบบเคมี :ใช้ Teflon (PTFE) Expansion Joint
    เหมาะสำหรับระบบที่ลำเลียงสารเคมีเข้มข้น กรด ด่าง หรือของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
    ข้อดี: ทนต่อการกัดกร่อนสูง ไม่ดูดซึมสารเคมี
    เหมาะกับ: โรงงานยา อาหาร เคมี เครื่องสำอาง หรือระบบ CIP
  4.  ถ้าเชื่อมต่อกับเครื่องจักร :ใช้ Flexible Hose
    เหมาะสำหรับเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ที่มีการเคลื่อนไหว เช่น ปั๊ม เครื่องจักร หรือวาล์ว เพื่อให้ระบบยืดหยุ่น ปลอดภัย
    ข้อดี: บิดงอได้ดี ติดตั้งง่าย รองรับการเคลื่อนตัวจากแรงสั่นสะเทือนได้อย่างอิสระ
    มีทั้งแบบ: ถักลวดสแตนเลส หรือหุ้มด้วยสายยางตามลักษณะงาน

โดยทั่วไป Expansion Joint มีหลากหลายประเภท การเลือกใช้อย่างถูกต้องจึงควรอิงจากเงื่อนไขทางเทคนิคของระบบ ไม่ใช่เพียงจากรูปลักษณ์หรือราคาหน้าสเปก หากไม่มั่นใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านชุดข้อต่อขยาย โดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าที่คุณเลือก จะตอบโจทย์การใช้งานได้จริง และคุ้มค่าที่สุดในระยะยาว

สรุป: Expansion Joint ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือความจำเป็น

ไม่ว่าระบบท่อของคุณจะอยู่ในสายงานผลิตประเภทใด อาหาร เคมี ปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า หรือโรงงานทั่วไป การเลือก Expansion Joint ที่เหมาะสมจะช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ ยืดอายุการใช้งาน ลดปัญหาซ้ำซ้อน และลดต้นทุนในการซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ คือ ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าระบบท่อของคุณจะปลอดภัย และไม่สะดุดในช่วงเวลาสำคัญของการผลิต หากคุณกำลังมองหา ชุดข้อต่อขยาย ที่เหมาะกับระบบท่อของคุณ ไม่ว่าจะเป็น Rubber, Metallic, Teflon หรือ Flexible Hose KN Express พร้อมให้คำปรึกษาฟรีโดยทีมงานมืออาชีพ พร้อมจัดส่งสินค้าตรงสเปคในเวลาที่คุณต้องการ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *