เมื่อพูดถึงยางที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม หลายคนอาจนึกถึงแค่ยางดำ ๆ ธรรมดาที่ใช้กันทั่วไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว โลกของยางมีความซับซ้อนมากกว่านั้น และหนึ่งในยางที่ขึ้นชื่อว่าทนที่สุดโดยเฉพาะกับงานที่เจอสภาพโหด ๆ ทั้งความร้อนจัด น้ำมันแรง หรือสารเคมีรุนแรง ก็คือ FKM Rubber หรือชื่อที่หลายคนคุ้นหูว่าแผ่นยาง viton ยางชนิดนี้ไม่ได้มีดีแค่ความทน แต่ยังถูกออกแบบมาเพื่องานเฉพาะทางที่ยางธรรมดาไม่สามารถเอาอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นซีลในเครื่องยนต์ ฝาปิดในโรงงานเคมี หรือปะเก็นในระบบท่อน้ำมัน หากคุณกำลังมองหาวัสดุที่ใช้แล้วจบไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย และเชื่อถือได้ในระยะยาว นี่อาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมของคุณเลยก็ได้ แต่ไปทำความรู้จัก และทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่าวัสดุชนิดนี้คืออะไร มีคุณสมบัติอย่างไร และเหมาะกับงานแบบไหนบ้าง
FKM Rubber คืออะไร? ดีกว่ายางทั่วไปยังไง?
หากพูดถึงยางที่ทนทานที่สุดในงานอุตสาหกรรม หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ FKM Rubber หรือชื่อทางการค้าที่หลายคนรู้จักกันดีว่า Viton ซึ่งถูกพูดถึงบ่อย ๆ ว่าทนที่สุดจนกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในงานที่ต้องเจอกับสภาพแวดล้อมสุดโหด ไม่ว่าจะเป็นความร้อนสูง น้ำมันรุนแรง หรือสารเคมีจัด ๆ แต่ FKM จริง ๆ แล้วคืออะไร? และมันดีกว่ายางทั่วไปอย่างไร? นี่คือคำถามที่เราจะมาทำความเข้าใจกันแบบง่าย ๆ
ซึ่ง FKM Rubber หรือยางฟลูออโรคาร์บอน คือยางสังเคราะห์ประเภทหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มฟลูออโรอีลาสโตเมอร์ (Fluoroelastomer) มีคุณสมบัติพิเศษจากโครงสร้างโมเลกุลที่ทำให้มันทนทานต่อสารเคมี น้ำมัน และความร้อนสูงได้อย่างยอดเยี่ยม ยางชนิดนี้ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานเฉพาะทางในอุตสาหกรรมที่ยางธรรมดาไปไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นระบบซีลในเครื่องยนต์ ปะเก็นยางในท่อแรงดันสูง หรือโอริงในเครื่องจักรที่ต้องเจอกับกรด ด่าง และไอน้ำร้อนเป็นประจำ มีอายุการใช้งานที่มักจะอยู่ได้นานกว่ายางทั่วไปมาก เพราะไม่เปื่อย ไม่บวม ไม่กรอบง่าย แม้จะถูกบีบอัดในจุดซีลต่อเนื่อง เช่น ใช้ทำปะเก็นยางที่ต้องถูกแรงดันน้ำมันหรือแรงบิดจากหน้าแปลน หากเทียบกันในแง่ความคุ้มค่าในระยะยาว แม้ราคาจะสูงกว่ายางทั่วไปหลายเท่า
FKM Rubber ใช้ในอุตสาหกรรมอะไรได้บ้าง?

FKM Rubber ถูกเลือกใช้ในงานซีลและปะเก็นของอุตสาหกรรมหนัก ๆ ที่ยางทั่วไปไม่สามารถรองรับได้ เราลองมาดูกันว่า FKM Rubber ถูกใช้งานในอุตสาหกรรมไหนบ้าง และแต่ละงานมีความต้องการที่ยางชนิดนี้ตอบโจทย์อย่างไร
- อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ (Oil & Gas)
ใช้ในระบบซีลของท่อแรงดันสูง หน้าแปลน วาล์ว และอุปกรณ์ขุดเจาะน้ำมัน สามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมมีทั้งแรงดันสูง อุณหภูมิสูง และสารเคมีรุนแรง เช่น ไฮโดรคาร์บอน ซัลเฟอร์ หรือแก๊สมีพิษได้ เป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด เพราะไม่เปื่อย ไม่บวม และไม่เสียรูปแม้ใช้งานต่อเนื่อง - อุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive)
ใช้ทำซีลในระบบเชื้อเพลิง ระบบไอเสีย ซีลเพลาข้อเหวี่ยง โอริง และยางหุ้มสาย สำหรับงานที่ต้องเจอกับน้ำมันเครื่อง เบนซิน ดีเซล รวมถึงความร้อนจากเครื่องยนต์ที่สูงกว่า 100 องศาเซลเซียส ซึ่ง FKM ช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดการรั่ว และป้องกันความเสียหายจากสารเติมแต่งในน้ำมัน - อุตสาหกรรมอากาศยาน (Aerospace)
ใช้ในระบบ ไฮดรอลิก ซีลระบบเชื้อเพลิง หรือซีลในห้องเครื่องยนต์ ในงานที่ความแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ยางที่ใช้ต้องไม่เสียรูปในสภาวะสุญญากาศ อุณหภูมิสูง และแรงกดสูง สิ่งนี้จึงตอบโจทย์เรื่องความเสถียรและทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม - อุตสาหกรรมเคมี (Chemical Processing)
ใช้ทำปะเก็น ท่อยาง โอริง หรือซีลในอุปกรณ์ที่สัมผัสกับกรดเข้มข้น ด่างแรง และสารทำละลาย เช่น ระบบส่งกรดซัลฟิวริก โซเดียมไฮดรอกไซด์ หรือแอมโมเนียเหลว วัสดุนี้มีความเฉื่อยต่อสารเคมีสูงมาก จึงปลอดภัยต่อระบบและไม่เปลี่ยนสภาพง่าย - อุตสาหกรรมพลังงาน (Power Generation)
ใช้ในซีลกังหันไอน้ำ ระบบหล่อเย็น และอุปกรณ์ระบายความร้อน สำหรับงานที่มักเจอทั้งแรงดันสูง ไอน้ำร้อน และสารกัดกร่อนจากสารเคมีในระบบ จะช่วยให้ระบบเดินเครื่องได้ต่อเนื่อง โดยไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่บ่อย ๆ - อุตสาหกรรมอาหารและยา (Food & Pharmaceutical)
- นอกจากเทปล่อนที่ถูกใช้งานในอุตสาหกรรมอาหารและยาแล้ว ยังมีการพัฒนา FKM เกรด FDA สำหรับใช้ในเครื่องจักรที่สัมผัสอาหาร เช่น เครื่องบรรจุ เครื่องกรอง ซึ้งต้องเป็นยางที่ต้องทนการล้างด้วยไอน้ำร้อน (CIP/SIP) และสารฆ่าเชื้อโดยไม่เสื่อมสภาพ FKM ที่พัฒนาแล้วและผ่านมาตรฐานช่วยป้องกันการปนเปื้อนและคงคุณสมบัติได้แม้เจอความร้อนต่อเนื่อง
- อุตสาหกรรมแบตเตอรี่และพลังงานทางเลือก (Battery / EV)
ใช้ในระบบซีลของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน หรืออุปกรณ์ในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งต้องทนสารเคมี เช่น อิเล็กโทรไลต์ที่มีความเป็นกรดสูง และความร้อนจากการชาร์จ โดย FKM มีความเสถียรสูง จึงเหมาะกับงานซีลที่ต้องการความปลอดภัย - อุตสาหกรรมห้องแล็บ / เครื่องมือวัดแม่นยำ (Lab / Analytical)
ใช้ในอุปกรณ์วิเคราะห์ทางเคมี เครื่องมือวัด หรือหัวจ่ายสารเคมีที่ต้องการวัสดุซีลที่ไม่ปนเปื้อน ทนสารเคมี และคงรูปแม้อยู่ในสภาวะที่เปลี่ยนแปลงเร็ว โดยFKM มีค่าการซึมผ่านต่ำและทนต่อสารได้หลายชนิด จึงเป็นตัวเลือกที่ไว้ใจได้
เปรียบเทียบ FKM Rubber กับยาง NBR, EPDM, และ Silicone ตัวไหนเหมาะกับงานอะไร?

ในงานอุตสาหกรรม การเลือกใช้ ยางให้ตรงกับสภาพแวดล้อม ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถ้าเลือกผิด แค่ยางซีลเสื่อมก็อาจทำให้ระบบทั้งเครื่องหยุดเดิน หรือเกิดของรั่วที่สร้างความเสียหายตามมาได้ วันนี้เราจะพามาดูว่ายางยอดนิยม 4 ชนิดที่ใช้กันบ่อย ได้แก่ FKM Rubber (Viton), NBR (ไนไตรล์), EPDM และ Silicone ว่าตัวไหนเหมาะกับงานแบบไหน และมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร ดังนี้
- FKM (Viton)
เหมาะกับงานที่เจอน้ำมันแรง ความร้อนสูง สารเคมีรุนแรง เช่น ปะเก็นเครื่องยนต์ ซีลระบบท่อน้ำมัน อุปกรณ์ในอุตสาหกรรมเคมี พลังงาน น้ำมันและแก๊ส แต่ไม่เหมาะกับงานอุณหภูมิต่ำจัด หรืองานราคาประหยัดทั่วไป - NBR (ยางไนไตรล์)
เหมาะกับงานที่เน้นทนน้ำมันในระดับปานกลาง เช่น ท่อส่งน้ำมัน ซีลเครื่องจักรทั่วไป ซีลปั๊มในระบบอุตสาหกรรมเบา ไม่เหมาะกับงานที่ต้องเจอความร้อนหรือแสงแดดจัดนาน ๆ เพราะจะกรอบและเสื่อมเร็ว - EPDM
เหมาะกับงานกลางแจ้ง งานระบบน้ำ งานที่เจอไอน้ำหรือกรดอ่อน เช่น ซีลประตูรถ ปะเก็นฝาถังน้ำดื่ม ระบบท่อน้ำในโรงงาน ไม่เหมาะกับงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันหรือสารไฮโดรคาร์บอน - Silicone Rubber
เหมาะกับงานที่ต้องสัมผัส อาหาร ความร้อนสูง หรือในสภาพแวดล้อมสะอาด เช่น เครื่องมือแพทย์ ปะเก็นในเครื่องนึ่ง ยางซิลิโคนในอุตสาหกรรมอาหาร แต่ไม่เหมาะกับงานที่ต้องเจอน้ำมันหรือแรงดันสูงบ่อย ๆ เพราะความทนต่อแรงฉีกขาดต่ำ
สรุป
FKM Rubber ยางสังเคราะห์ชนิดพิเศษที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานสูงเป็นพิเศษต่อความร้อน น้ำมัน และสารเคมีรุนแรง ใช้งานได้ต่อเนื่องในอุณหภูมิสูง และไม่เสื่อมสภาพง่ายแม้เจอสภาพแวดล้อมโหด ๆ จึงมักถูกนำมาใช้ในงานอุตสาหกรรมหนัก เช่น ระบบท่อแรงดัน ปะเก็นในโรงงานเคมี ซีลเครื่องยนต์ หรืออุปกรณ์ที่ต้องการความมั่นใจเรื่องการซีลอย่างแน่นหนา FKM ถือเป็นวัสดุระดับพรีเมียมที่ตอบโจทย์เรื่องความเสถียรและอายุการใช้งานยาวนาน แม้จะมีราคาสูงกว่ายางทั่วไป แต่ก็ให้ความคุ้มค่าที่เหนือกว่าในระยะยาว