รู้จักปะเก็นกราไฟท์ วัสดุซีลทนความร้อนที่โรงงานอุตสาหกรรมเลือกใช้

รู้จักปะเก็นกราไฟท์ วัสดุซีลทนความร้อนที่โรงงานอุตสาหกรรมเลือกใช้

ในระบบเครื่องจักรหรือท่ออุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับอุณหภูมิสูงต่อเนื่อง เช่น ไอน้ำ แก๊สร้อน หรือสารเคมีรุนแรง การเลือกใช้ปะเก็นทั่วไปอาจไม่เพียงพอในการป้องกันการรั่วซึมและการเสียหายของระบบ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ ปะเก็นกราไฟท์ ( Graphite Sheet) กลายมาเป็นตัวเลือกยอดนิยมของวิศวกรและโรงงานขนาดใหญ่ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งด้านความทนความร้อน ทนเคมี ไม่ติดไฟ และยืดหยุ่นสูง มีความสามารถในการรองรับงานที่มีแรงดัน จึงสามารถซีลระบบได้อย่างแนบแน่นแม้ภายใต้สภาวะการใช้งานที่รุนแรงที่สุด โดยปะเก็นชนิดนี้ยังมีลักษณะเด่น ข้อดีต่าง ๆ อีกมากที่ทำให้ถูกเลือกมาใช้งาน ซึ่งเราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกันให้มากขึ้น

ลักษณะของปะเก็นกราไฟท์ ทำไมถึงได้รับความนิยม

ปะเก็นกราไฟท์มีลักษณะเด่นที่แตกต่างจากปะเก็นทั่วไป โดยตัววัสดุทำจากกราไฟท์ชนิดยืดหยุ่น (Flexible Graphite) ซึ่งมีโครงสร้างแบบแผ่นบางซ้อนทับกันหลายชั้น จึงทำให้วัสดุมีความนุ่ม ยืดหยุ่นสูง แต่ก็ยังคงความแข็งแรงในระดับที่สามารถรับแรงกดจากหน้าแปลนได้ดี ตัววัสดุมีสีเทาดำ ไม่ลามไฟ และสามารถแนบสนิทกับผิวหน้าที่ไม่เรียบได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งหรือขึ้นรูปเป็นลักษณะต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ เช่น ตัดเป็นวงแหวน หรือเสริมด้วยแผ่นโลหะเพื่อเพิ่มความทนทาน ทำให้ปะเก็นกราไฟท์สามารถใช้งานได้ในทั้งสภาพแรงดันต่ำจนถึงสูง และยังสามารถคงประสิทธิภาพได้ดีแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนหรือสารเคมีรุนแรง ด้วยการตอบโจทย์การใช้งานในสภาพแวดล้อมที่โหดและหลากหลายได้ดีมาก จึงเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งในโรงกลั่น โรงไฟฟ้า หรือระบบท่อส่งไอน้ำและของเหลวที่ต้องการความแน่นหนาในการซีลปิดรอยรั่ว

คุณสมบัติที่โดดเด่นของปะเก็นกราไฟท์ ตัวเลือกในการใช้งานอันดับต้น ๆ

คุณสมบัติที่โดดเด่นของปะเก็นกราไฟท์ ตัวเลือกในการใช้งานอันดับต้น ๆ

สิ่งที่ทำให้ปะเก็นกราไฟท์นั้นมีความโดดเด่นจนกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในการใช้งานแบบมืออาชีพ หากให้ไล่เรียงออกมาเป็นข้อ ๆ จะมีดังนี้

  • ทนความร้อนสูงมาก
    ปะเก็นกราไฟท์สามารถทนอุณหภูมิได้ถึง 450 องศาเซลเซียส ในสภาพอากาศที่มีออกซิเจน และสูงถึง 650 องศาเซลเซียส หรือมากกว่าในสภาพที่ไม่มีออกซิเจน เหมาะกับระบบที่ต้องรับความร้อนต่อเนื่อง เช่น หม้อน้ำ หรือท่อไอน้ำ
  • ทนสารเคมีได้ดีเยี่ยม
    วัสดุกราไฟท์ไม่ละลาย ไม่เสื่อมในสารเคมีส่วนใหญ่ ทั้งกรด ด่าง น้ำมัน และไฮโดรคาร์บอน จึงสามารถใช้งานกับของเหลวหรือก๊าซที่มีความเป็นกรดหรือด่างได้โดยไม่สึกกร่อน
  • ยืดหยุ่นสูง ปิดผนึกได้ดี
    แม้ผิวหน้าแปลนจะมีรอยหรือไม่เรียบ ปะเก็นกราไฟท์ก็ยังแนบสนิทได้ดี ทำให้ลดการรั่วซึมได้มากกว่าปะเก็นแบบแข็งหรือโลหะล้วน
  • ทนแรงกดและแรงดันสูง
    โดยเฉพาะรุ่นที่เสริมแรงด้วยโลหะ จะสามารถรับแรงดันได้สูงถึง 100 บาร์ หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับโครงสร้าง
  • ทนแรงสั่นสะเทือนและไม่เปราะ
    เนื่องจากเนื้อวัสดุมีความยืดหยุ่นดี ไม่แตกง่าย ทำให้เหมาะกับระบบที่มีแรงสั่นสะเทือนสูง เช่น ปั๊ม วาล์ว หรือเครื่องจักรกลหมุน
  • ไม่ติดไฟ ไม่ลามไฟ
    กราไฟท์เป็นวัสดุไม่ติดไฟโดยธรรมชาติ จึงเหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงเรื่องไฟไหม้หรือประกายไฟ
  • ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
    ไม่ว่าจะเป็นแบบแผ่น เสริมแรง Spiral Wound หรือหุ้มโลหะ ก็สามารถเลือกให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างยืดหยุ่น

แม้จะมีจุดเด่นอยู่หลายข้อ แต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้งานอยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ในความร้อนติดกันเป็นเวลานาน เสี่ยงต่อความชื้นหากแช่น้ำตลอดเวลา แรงกระแทกที่มากเกินไปก็อาจจะทำให้เสื่อมสภาพได้เร็วขึ้นได้ เพราะฉะนั้นควรเลือกให้เหมาะสม หรือตรงกับลักษณะของงาน จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง

ประเภทของปะเก็นกราไฟท์ที่ได้รับความนิยมในการใช้งาน

ประเภทของปะเก็นกราไฟท์ที่ได้รับความนิยมในการใช้งาน

ประเภทของปะเก็นกราไฟท์ที่ได้รับความนิยมในงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มักจะถูกเลือกใช้งานตามลักษณะของแรงดัน ความร้อน และสภาพแวดล้อม โดยปะเก็นกราไฟท์ที่นิยมใช้หลัก ๆ มีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่

  • ปะเก็นกราไฟท์แบบแผ่น (Graphite Sheet Gasket)
    เป็นปะเก็นแบบพื้นฐานที่สุด ผลิตจากกราไฟท์ยืดหยุ่นแบบแผ่นเรียบ มีความนุ่ม ยืดหยุ่นดี ปะเก็นแผ่นใช้งานง่ายเพราะสามารถตัดขึ้นรูปได้ตามต้องการ เหมาะกับระบบที่แรงดันไม่สูงมาก เช่น ท่อไอน้ำ ท่อน้ำมัน หรือหน้าแปลนทั่วไป ข้อดีคือราคาย่อมเยาและหาง่าย แต่ข้อจำกัดคือต้องระวังเรื่องการฉีกขาดเมื่อติดตั้งหรือต้องรับแรงกดสูง
  • ปะเก็นกราไฟท์เสริมแรง (Reinforced Graphite Gasket)
    ได้รับความนิยมอย่างมากในงานที่มีแรงดันสูงหรืออุณหภูมิสูงกว่าปกติ โดยจะมีการเสริมแผ่นโลหะบาง ๆ เช่น สแตนเลส SS304 หรือ SS316 เข้าไปตรงกลางของชั้นกราไฟท์ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทนต่อการบิดตัวหรือฉีกขาดจากแรงบีบของหน้าแปลน เหมาะสำหรับงานในโรงกลั่นน้ำมัน โรงไฟฟ้า หรือระบบไอน้ำแรงดันสูงที่ต้องการความปลอดภัยและความคงทนสูง
  • ปะเก็นแบบวงแหวน (Spiral Wound Gasket)
    เป็นปะเก็นกราไฟท์ระดับโปรที่นิยมใช้งานในสภาพแวดล้อมรุนแรง เช่น ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โรงงานเคมี หรือหม้อไอน้ำ โดยจะใช้แถบโลหะที่มักเป็นสแตนเลส พันสลับกับแถบกราไฟท์เป็นลักษณะเกลียว และมีวงแหวนเสริมด้านใน-นอกเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ข้อดีคือสามารถรับแรงดันและความร้อนได้สูงมาก และยังคงรูปได้ดีแม้ในสภาพการใช้งานที่มีแรงสั่นสะเทือน

สรุป

ปะเก็นกราไฟท์เป็นวัสดุซีลกันรั่วที่ผลิตจากกราไฟท์ยืดหยุ่นซึ่งมีคุณสมบัติเด่นคือ ทนความร้อนสูง ทนสารเคมี ไม่ติดไฟ และยืดหยุ่นดี จึงสามารถแนบสนิทกับผิวหน้าแปลนได้แม้ไม่เรียบ เหมาะกับการใช้งานในระบบที่มีแรงดันและอุณหภูมิสูง สิ่งที่ทำให้ปะเก็นกราไฟท์ได้รับความนิยมก็คือ ความทนทานและความสามารถในการซีลได้ดีแม้ในสภาพแวดล้อมที่โหด จึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงในการซีลระบบ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *