ปะเก็น (Gasket) คือหนึ่งในชิ้นส่วนที่ทำหน้าที่สำคัญสำหรับงานเครื่องจักรต่าง ๆ มีทั้งแบบทั่วไป และปะเก็นทนความร้อน ถูกออกแบบมาให้ใช้สำหรับปิดช่องว่างระหว่างพื้นผิว 2 ชิ้นที่ประกบกันอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่าง หรือรูที่จะทำให้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ภายในรั่วซึมออกมาได้ เป็นการป้องกันการรั่วไหลของของเหลว แก๊ส หรือแม้แต่ฝุ่นละอองก็ตาม โดยปะเก็นมักใช้ในงานที่มีการเชื่อมต่อระหว่างชิ้นส่วนเครื่องจักร ท่อ หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น หน้าแปลนท่อ ฝาครอบเครื่องยนต์ หรือเครื่องจักรอุตสาหกรรม ซึ่งนอกจากการป้องกันการรั่วแล้ว ปะเก็นยังช่วยในเรื่องของการกระจายแรงกด ชดเชยความไม่เรียบของผิวสัมผัสของ 2 วัสดุที่เชื่อมต่อกัน และยังช่วยในเรื่องลดแรงสั่นสะเทือนได้ด้วย ปะเก็นที่ใช้งานในปัจจุบันนี้มีอยู่หลายรูปแบบ แต่ละแบบก็เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับปะเก็นให้มากขึ้น โดยเฉพาะที่ทนความร้อนได้
ปะเก็นทนความร้อนคืออะไร? ความสำคัญในการเลือกใช้งาน
ปะเก็นทนความร้อน คือวัสดุปิดผนึกที่ใช้สำหรับซีลรอยต่อระหว่างพื้นผิวในระบบที่มีอุณหภูมิสูง เช่น เตาเผา ท่อไอน้ำ หรือหน้าแปลนเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม โดยออกแบบมาให้สามารถรับความร้อนได้ตั้งแต่หลายร้อยไปจนถึงพันองศาเซลเซียสโดยไม่เสื่อมสภาพ วัสดุที่ใช้ทำปะเก็นแผ่นชนิดนี้มีหลากหลาย เช่น กราไฟท์ ไมกา เซรามิกไฟเบอร์ หรือโลหะ ซึ่งแต่ละแบบจะมีคุณสมบัติเฉพาะเหมาะกับงานแตกต่างกันไป การเลือกปะเก็นที่ทนความร้อนได้อย่างเหมาะสมไม่เพียงช่วยป้องกันการรั่วไหลเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้กับระบบทั้งระบบอีกด้วย
ความสำคัญในการเลือกใช้งานปะเก็นทนความร้อนให้เหมาะสม
การเลือกใช้ปะเก็นทนความร้อนที่เหมาะกับงานไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แต่เป็นสิ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ซึ่งความสำคัญของการเลือกใช้งานปะเก็นให้เหมาะสมมีดังนี้
- ป้องกันการรั่วในระบบที่มีอุณหภูมิสูง: หากเลือกปะเก็นผิดประเภท อาจทำให้เกิดรอยรั่วจากแรงดันหรือความร้อนสะสม จนเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายกับเครื่องจักร
- เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน: ปะเก็นที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงจากการสัมผัสของไอน้ำร้อน แก๊ส หรือสารเคมี ที่อาจทำอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน
- ยืดอายุการใช้งานของระบบ: วัสดุที่ทนต่อความร้อนได้ดีจะช่วยให้หน้าแปลนและอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่สึกหรอเร็ว ช่วยลดการบำรุงรักษาและซ่อมแซม
- ช่วยให้ซีลแน่นตลอดรอบการใช้งาน: ปะเก็นที่เลือกอย่างถูกต้องจะสามารถคงรูปและรักษาความยืดหยุ่นได้ดี แม้ต้องเจอกับความร้อนต่อเนื่อง
- ลดต้นทุนระยะยาว: ถึงแม้ปะเก็นคุณภาพสูงจะมีราคาสูงกว่า แต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการหยุดเครื่อง การซ่อม หรือเปลี่ยนอะไหล่บ่อย ๆ ได้
- รองรับแรงดันและความร้อนเฉพาะของแต่ละระบบ: งานบางประเภท เช่น เตาเผา ท่อไอน้ำ หรือหม้อไอน้ำ ต้องใช้ปะเก็นเฉพาะทางที่สามารถรองรับอุณหภูมิและแรงดันสูงได้โดยไม่เสียรูป
- ลดโอกาสการล้มเหลวของระบบทั้งระบบ: ปะเก็นเป็นจุดเล็กที่มีผลอย่างมาก หากรั่วหรือพังแม้จุดเดียว อาจทำให้ระบบต้องหยุดชะงักทั้งสายการผลิต
- เลือกวัสดุได้ตรงกับของไหลและสภาพแวดล้อม: หากในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการใช้น้ำมัน สารเคมี หรือไอน้ำ วัสดุที่ใช้ควรมีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนหรือการระเหยในสภาพร้อนจัด
วัสดุยอดนิยมของปะเก็นทนความร้อน ข้อดีข้อเสียที่คุณควรรู้เอาไว้
ในการเลือกใช้ปะเก็นทนความร้อนสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ คือการเลือกวัสดุให้เหมาะกับสภาพการใช้งาน เพราะแต่ละวัสดุมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ทั้งด้านความทนทานต่ออุณหภูมิ ความดัน สารเคมี หรือแม้แต่การคืนตัวของวัสดุเมื่อต้องเผชิญความร้อนสูงเป็นเวลานาน หากเลือกไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการรั่วซึม เสื่อมสภาพเร็ว หรือถึงขั้นเกิดอุบัติเหตุได้ โดยมีวัสดุต่าง ๆ ดังนี้
- ปะเก็นกราไฟท์ (Graphite Gasket)
ผลิตจากกราไฟท์บริสุทธิ์ มีลักษณะเป็นแผ่นสีเทาดำ ยืดหยุ่นสูง ไม่เปราะง่าย สามารถปรับรูปทรงได้ตามหน้าสัมผัส
ความทนความร้อน: ประมาณ 450–650 องศาเซลเซียส
ข้อดี: ทนความร้อนและแรงกดได้ดีในระดับหนึ่ง ทนสารเคมีรุนแรงหลายชนิด ไม่ติดไฟ ไม่ลามไฟ และมีความยืดหยุ่นดี ใช้กับหน้าแปลนที่ไม่เรียบได้
ข้อเสีย: ไม่ทนแรงกดหรือแรงขันสูงมาก ถ้าไม่ได้เสริมแรง และเสี่ยงต่อการเปื่อยในที่ชื้นหากจัดเก็บไม่ดี
งานที่เหมาะสม: ระบบไอน้ำ, ท่อเคมี, โรงกลั่น, หน้าแปลนอุณหภูมิสูงทั่วไป - ปะเก็นกราไฟท์เสริมแรง (Reinforced Graphite Gasket)
แผ่นกราไฟท์ที่แทรกแผ่นโลหะเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความคงรูปในสภาวะแรงกดสูง
ความทนความร้อน: ประมาณ 650–1,000 องศาเซลเซียส
ข้อดี: ทนความร้อนและแรงดันสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน ซีลแน่น ลดการเสียรูปเมื่อใช้งานต่อเนื่อง ด้วยยังคงความยืดหยุ่นของกราไฟท์เดิมไว้
ข้อเสีย: มีราคาสูงกว่าแบบไม่เสริม และต้องผลิตตามขนาด ไม่เหมาะกับการตัดหน้างาน
งานที่เหมาะสม: หน้าแปลนแรงดันสูง, เตาหลอม, ระบบไอน้ำอุตสาหกรรม, แก๊สร้อน - ปะเก็นแอสเบสตอส (Asbestos Gasket)
ทำจากแร่ใยหินผสมกับยาง (NBR) หรือวัสดุเสริมอื่น ๆ ลักษณะแข็ง เนื้อแน่น มีสีเทาเข้มหรือเขียว
ความทนความร้อน: ประมาณ 400–600 องศาเซลเซียส
ข้อดี: ทนร้อนและสารเคมีได้ดี ทนแรงกดได้มาก และมีราคาถูก
ข้อเสีย: ปัจจุบันถูกแบนในหลายประเทศ เนื่องจากเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างรุนแรง
งานที่เหมาะสม: ระบบไอน้ำ หรือท่อเคมี ภายใต้เงื่อนไขความกดดันที่ต่ำ - ปะเก็นนอนแอสเบสตอส (Non-Asbestos Gasket)
ทำจากเส้นใยอะรามิดผสมกับยาง NBR หรือใยไฟเบอร์อื่น ๆ เป็นแผ่นแน่นที่ปลอดภัยจากแร่ใยหิน
ความทนความร้อน: ประมาณ 250–400 องศาเซลเซียส
ข้อดี: ปลอดภัยต่อสุขภาพ ทนแรงกดและสารเคมีได้ดี ใช้งานง่ายและราคาย่อมเยา โดยมีให้เลือกหลากหลายเกรดตามงาน
ข้อเสีย: ไม่ทนความร้อนสูงเท่ากราไฟท์หรือโลหะ เสื่อมสภาพเร็วในระบบที่ร้อนจัด
งานที่เหมาะสม: เครื่องจักรทั่วไป, คอมเพรสเซอร์, ปั๊ม, ระบบน้ำมันหรือแก๊สแรงดันต่ำ - ปะเก็นเซรามิกไฟเบอร์ (Ceramic Fiber Gasket)
ผลิตจากเส้นใยเซรามิกสีขาวที่ทนไฟสูง เนื้อเบา เป็นแผ่นอัดหรือขึ้นรูปบาง
ความทนความร้อน: ประมาณ 1,000–1,260 องศาเซลเซียส
ข้อดี: ทนความร้อนสูงที่สุดในบรรดาวัสดุปะเก็น เป็นฉนวนกันความร้อนได้ดีเยี่ยม ไม่ติดไฟ และไม่เสื่อมแม้เจอไฟตรง
ข้อเสีย: เปราะ แตกหักง่าย เกิดฝุ่นไฟเบอร์ขณะติดตั้ง ไม่ทนแรงกดเท่ากราไฟท์หรือโลหะ
งานที่เหมาะสม: เตาเผา, เตาหลอมโลหะ, ห้องเผาขยะ, ระบบที่มีเปลวไฟสัมผัสโดยตรง - ปะเก็นไมกา (Mica Gasket)
ทำจากแร่ไมกาธรรมชาติที่มีโครงสร้างเป็นชั้นบางซ้อนกัน มีลักษณะทนไฟ ไม่ลามไฟ
ความทนความร้อน: ประมาณ 800–1,000 องศาเซลเซียส
ข้อดี: ทนเปลวไฟโดยตรง ไม่ลามไฟ เป็นฉนวนไฟฟ้า คงรูปดีในอุณหภูมิสูงแบบชั่วขณะ
ข้อเสีย: เปราะง่าย ตัดแต่งยาก ไม่ทนแรงกดสูงมาก
งานที่เหมาะสม: ระบบไอเสีย, เตาอบ, ฉนวนกันความร้อนในงานไฟฟ้า - ปะเก็นโลหะ (Metallic Gasket)
ทำจากโลหะล้วนหรือโลหะพันกับวัสดุซีล เพื่อใช้งานกับแรงดันและอุณหภูมิสูงสุด
ความทนความร้อน: ประมาณ 500–1,000 องศาเซลเซียส ขึ้นอยู่กับโลหะที่ใช้
ข้อดี: ทนความร้อนและแรงดันสูงมาก อายุการใช้งานยาว ไม่เสียรูปง่าย เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูงข้อเสีย: มีราคาสูง ติดตั้งยาก ต้องใช้แรงขันตามมาตรฐาน ไม่คืนรูปดีเท่ากราไฟท์หากผิวหน้าแปลนไม่เรียบ
งานที่เหมาะสม: หน้าแปลนแรงดันสูง, เครื่องปฏิกรณ์, ระบบแก๊สในโรงกลั่นหรือโรงไฟฟ้า
สรุป
นหลัก หากใช้งานในระบบไอน้ำหรือเคมีที่อุณหภูมิสูง แนะนำให้ใช้ปะเก็นกราไฟท์หรือกราไฟท์เสริมแรงเพราะทนความร้อนและสารเคมีได้ดี ส่วนงานที่ต้องการความปลอดภัยและไม่ใช้แร่ใยหิน ควรเลือกปะเก็นนอนแอสเบสตอสแบบใยอะรามิด หากเป็นระบบที่เจอกับเปลวไฟหรือความร้อนระดับเตาเผา ปะเก็นเซรามิกหรือไมกาจะเหมาะที่สุด ขณะที่งานแรงดันสูงในโรงงานอุตสาหกรรมหนักควรใช้ปะเก็นโลหะซึ่งรองรับทั้งแรงกดและอุณหภูมิได้อย่างมั่นใจ ทั้งนี้ควรตรวจสอบสเปกของอุปกรณ์และเงื่อนไขการใช้งานก่อนตัดสินใจทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของระบบ